วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

Hybrid Scam : หลอก-รัก-ลงทุน

 

📌 สรุป 📌

Q : มีคนโปรไฟล์ดี ติดต่อมาผ่านออนไลน์ ทำดีให้หลงรัก ลวงให้ลุ่มหลง นำสู่การหลอกลวงอีกขั้น ที่เรียกกันว่า Hybrid Scam

A : คือมันเริ่มจากความรัก มันเป็นความผสมผสานครับ ผสมผสานระหว่าง ความรักกับการลงทุน คนร้ายเป็นแก๊งคนจีนร่วมกับคนไทย

ก็เจอตลอด ในขณะเดียวกันก็มีการจับกุมอยู่ตลอดเช่นกัน ชื่อภาษาไทย มีคนเคยตั้่ง “หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน”


Q : “ไฮบริดสแกม” กลายเป็นภัยไซเบอร์แบบใหม่ ที่ไปไกลกว่าคำว่า Ramance Scam ?

A : เดิมทีคือ “โรแมนซ์สแกม” หลอกรักออนไลน์ คนทำ คือ คนผิวสี ปลอมตัวเป็นฝรั่ง หรือชาวตะวันออกกลาง ทีนี้พอมีการพัฒนารูปแบบเป็น “ไฮบริดสแกม” กลายเป็นแก๊งคนจีน และโปรไฟล์ไม่ใช่ฝรั่งแล้ว แต่เป็นตี๋หมวย


Q : จุดเริ่มต้นมาจากการแรกพบบนโลกออนไลน์ ?

A : ใช่ แอดเข้ามาในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook แล้วก็มีแอปหาคู่ อะไรแบบนี้ เพิ่มเป็นเพื่อน แล้วพูดคุยกันเชิงความรักนั่นแหละ

คือคนเราเนี่ย รับแอด หรือ พูดคุยกันอย่างแรก อาจจะเป็นความพึงใจเรื่องรูปแบบหน้าตา หรือว่าเป็นแนวที่อีกฝ่ายหนึ่งชอบพูดคุยกัน โดยหวังที่จะทำความรู้จัก โดยที่มิจฉาชีพเนี่ย จะอ้างว่าเขาถนัดในการลงทุน แล้วก็เคยได้เงิน ในเมื่อรักกันแล้ว ก็อยากให้คนที่เขารักได้เงินบ้าง ก็จะชวนให้ลงทุน

การลงทุนของไฮบริดสแกม ก็จะมีแอปพลิเคชัน ก็ส่งลิงก์ไป เหยื่อกดลิงก์แล้วก็สมัครแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน ที่เขียนโปรแกรมขึ้นมา เพื่อที่จะหลอกลวงเทรดค่าเงินคริปโตเคอเรนซี

Q : ในช่วงต้นอาจได้เงินจริง ?

A : แล้วก็ได้เงิน...ได้เงินจริงด้วย ก็มีการถอนเอาเงินมาให้

Q : แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการเล่นละครตบตา ?

A : จากนั้นเหยื่อก็จะเห็นว่า ได้เงินจริงนี่ ก็เพิ่มจำนวนเงินที่เล่นเข้าไปอีก ทีนี้ก็เล่นได้อีกเหมือนกัน แต่เล่นได้เป็นหลักล้าน

ปัญหาเกิดขึ้นก็คือ ได้เงินแล้ว จะเอาเงินออกจากบัญชีอย่างไร

ตัวแอปพลิเคชันก็บอกว่า ต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 30-40%

เช่นได้เงิน 1 ล้าน คุณจะเอาเงิน 1 ล้านออก คุณต้องโอนเงินเข้ามาก่อน 3-4 แสนบาท 

พอเหยื่อเห็นว่า ได้ 1 ล้าน เสียภาษี 3-4 แสนบาท ไม่เป็นไร ยังเหลือกำไร 6 แสนกว่าบาท ก็โอนเงินไป ทีนี้ ก็ไม่จบ ก็ยังเอาเงินออกมาไม่ได้อีก เขาก็จะอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรจุกจิก ๆ นี่ก็คือไฮบริดสแกม

Q : แม้จะคล้าย Romance Scam แต่กลุ่มเหยื่อเป้าหมายแตกต่างกัน ?

A : คือเหยื่อโรแมนซ์สแกม จะเป็นหญิงอายุ 40 ปี ขึ้นไป 
ส่วนของไฮบริดสแกม เป็นทั้งผู้หญิงผู้ชาย เป็นหนุ่มสาว ที่มีความรู้ อาจจะเคยลงทุนที่เกี่ยวกับโลกดิจิทัล แล้วก็มีบัญชีธนาคารในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะ e-banking mobile-banking ต่าง ๆ

Q : และคนร้ายก็ใช้ความล้ำหน้ามาลวงตา ?

A : หนึ่ง คือ สร้างแอป

     สอง คือ เหยื่อเนี่ย ไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ 
คนที่เป็นเหยื่อ กลับเป็นคนที่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ รู้เรื่องการลงทุน

มีความสนใจการลงทุนการเงินในโลกดิจิทัล ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะเล่นหุ้น หรือ เทรดค่าเงินอะไรก็แล้วแต่ แล้วมาวันหนึ่งมาเล่นแอปพลิเคชันที่เขาหลอกลวงขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นจิตวิทยาในเรื่องความรักมาประกอบกันด้วย ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ

บางคนบอกว่า ความรักทำให้คนตาบอด นึกว่าเป็นเรื่องจริง

ซึ่งทุกอย่าง วางกลวิธีได้อย่างเหมาะเจาะ รัก / เล่นตอนแรกได้เงิน /

จนนำไปสู่การหลอกลวงในเงินก้อนใหญ่ในที่สุดครับ


Q : หนึ่งในวิธีที่จะพ้นภัย ไฮบริดสแกม

คือการตั้งข้อสงสัย ถามหาตัวตนที่แท้จริง ?

A : คือหลักการ ในเมื่อมันเริ่มจากความรัก การที่จะรักใครสักคนในโลกออนไลน์เนี่ย อยากให้เจอตัวจริง ๆ หรือเป็นวิดีโอคอลล์

ไม่ใช่เป็นเพียงแต่การแชต หรือว่าใช้โทรศัพท์ เพราะว่าไฮบริดสแกม มีการใช้โทรศัพท์ ใช้เสียง แต่หลักการคือไม่เห็นหน้าเหมือนกัน

เพราะถ้าเกิดเห็นหน้าเมื่อไหร่ก็คือจบ

มันจะไม่ตรงปก มันจะไม่ใช่

Q : และถ้ามีการชักชวนให้ลงทุน ต้องระวัง ?

A : หากมีการชักชวนลงทุนจากคนที่เราไม่รู้จัก แม้จะรักใคร่ หรือ พึงใจก็ดี ก็ไม่ควรไปลงทุน เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาชักชวนลงทุนนั้น มันจริงหรือไม่จริง

Q : ขณะที่ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ ?

A : สิ่งสำคัญต่อมาคือ ติดตามข่าวสารอาชญากรรม โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับในโลกออนไลน์ เพราะคนร้ายมีการพัฒนารูปแบบ พัฒนาวิธีการ เพราะฉะนั้นเนี่ย เราต้องรู้เท่าทัน


👉 “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลงทุน อีกภัยร้ายทางไซเบอร์

ที่ควรรู้เท่าทัน มีภูมิคุ้มกันก่อนเจอของจริง

 CR: ชัวร์ก่อนแชร์ 

-------------------------------------------------------------








วันที่ 16 ต.ค. 2566 เอม (นามสมมติ) ลูกชายของผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ในช่วงต้นเดือน ก.ค. 2566 มิจฉาชีพรายดังกล่าวได้ติดต่อหาแม่ของตนผ่านเฟซบุ๊ก ทำทีเป็นทักผิด และหาเรื่องคุยจนเริ่มมีความสัมพันธ์ถึงขั้นแลกเบอร์ และไลน์คุยกัน จากนั้นมิจฉาชีพรายนี้ก็มาชักชวนให้แม่ของตนลงทุน "โกลด์ฟิวเจอร์" จนวันที่ 13 ก.ค. 2566 คุณแม่ก็เริ่มโอนเงินครั้งแรก 2 แสนบาท โดยแม่ของตนก็โอนเงินให้เขาเรื่อย ๆ ทั้งหมด 17 ครั้ง 15 บัญชีปลายทาง รวมเป็นเงินกว่า 18 ล้านบาท ซึ่งคุณแม่ก็มีได้เงินคืนมาบ้างประมาณ 3.4 แสน
ด้าน เอื้อ (นามสมมติ) ลูกชายของผู้เสียหาย เผยว่า ในช่วงแรกคุณแม่มาปรึกษาตนเรื่องการลงทุน "โกลด์ฟิวเจอร์" ที่สามารถลงทุนไป 1 ล้านบาท จะได้ผลตอบแทนคืน 2 ล้านบาท อ้างว่ามีผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือเขาก็ลงทุนกัน แต่ตนก็มั่นใจว่ามันคือมิจฉาชีพแน่นอนได้เตือนคุณแม่ไปว่าไม่มีการลงทุนที่ไหนได้กำไรขนาดนี้หรอก แต่เราเตือนเสร็จเขาก็เงียบและไม่ได้คุยกันเรื่องนี้อีกเลย 

 เอม กล่าวเพิ่มว่า หลังจากนั้น คุณแม่ก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป มาขอยืมเงินตนและน้องชายคนละ  1 ล้านบาท ซึ่งมันแปลกมากเพราะส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนที่ให้การช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า ตอนนั้นตนก็กังวลใจเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะถามเขายังไง เพราะ ไม่อยากให้เป็นเรื่องราวทะเลาะกันในครอบครัว เลยโอนเงินให้เขาไปไม่ได้คิดอะไร ต่อมา คุณแม่ได้เข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าซึ่งตัวมิจฉาชีพได้ส่งดอกไม้มาเยี่ยมคุณแม่ ตนเองก็เริ่มเอะใจ จนกระทั่งวันที่ 6 ต.ค. 2566 คุณแม่มายืมเงินน้องชาย 4 แสนบาท และบอกว่าต้องการใช้ด่วน อ้างว่า จะจ่ายเงินค่าเครดิตการ์ด แต่เมื่อสืบทราบจึงได้รู้ว่าคุณแม่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้เอาเงินไปให้เขา อ้างว่า ขับรถชนรถยนต์หรูแล้วไม่มีประกัน เหตุการณ์นี้ทำให้ความแตก และเริ่มเตือนคุณแม่ว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ 

            ขณะเดียวกัน ได้เตือนคุณแม่แล้วเขาไม่เชื่อเลยว่าถูกมิจฉาชีพหลอก จนคุณแม่ได้โทรหามิจฉาชีพเพื่อให้คุยกับตน เมื่อตนได้คุยจึงได้ขอหลักฐานยืนยันการลงทุน และถามไถ่ว่าเขาเป็นใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ ได้คุยขอสำเนาบัตรประชาชนของเขาเพื่อยืนยัน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ส่งอะไรกลับมาเลย แต่คุณแม่ก็ยังไม่เชื่อ ได้ติดต่อหาญาติต่าง ๆ มาช่วยคุยเขาก็ยังไม่เชื่อ ซึ่งตรงนี้ก็ได้ทราบว่าเขาไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้องด้วยหลายคน สุดท้ายต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาคุยกับคุณแม่ พร้อมกับเปิดเคสอื่น ๆ ที่โดนหลอกเช่นกันจนเขาเริ่มเชื่อในที่สุด และยอมให้เราอายัดบัญชี และไปแจ้งความ อย่างไรก็ดี ตนได้ติดต่อไปที่ร้านดอกไม้ที่มิจฉาชีพสั่งมาให้คุณแม่ เพื่อขอข้อมูลว่าเขาเป็นใคร แต่ทางร้านไม่ได้ให้ข้อมูลมา อ้างกฎหมาย PDPA 

อ่านต่อ https://teroasia.com/news/250872

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น